February 24, 2014

What's New ? : Fabruary's New Items

               เดือนนี้รู้สึกว่าตัวเองชอปหนักมาก 555 ไม่ค่อยมีตังค์แต่ของตรึมฮ่ะ หลายสิ่งมากมาย เลยเอาเจิมแปะไว้ก่อน ว่าง ๆ ค่อยรีวิวแบบจัดเต็ม



               ชิ้นแรกเป็น mist ของ vs ที่ใช้ประจำ ราคา 330 บาทจ๊า ได้ฤกษ์ถอยใหม่หลังจากของเก่าหมดสิ้นไปสามชาติครึ่ง รอบนี้ถอยกลิ่นฮิต pure seduction มา หอมมากมาย หอมเหมือนพวกผลไม้ น่ารักน่าเอ็นดูมาก ๆ เห็นว่า Vs มาเปิดชอบในไทยแล้ว ให้เพื่อนไปเชคราคาก็แพงเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน คนจนอย่างเราก็พรีเอาตามร้านเนตนี่แหละถูกดี



            ต่อกันด้วยของฟรี ยูเซอรินไฮยาลูรอน ฟิลเลอร์ คอนเซนเทรด ซีรั่ม ชิ้นนี้ได้มาจากการเล่นเกมที่เว็บ cosmenet ค่ะ มันเริ่ดมาก เป็นเวบที่แจกได้อลังการจริง ๆ อย่าลืมไปสมัครสมาชิกกันเยอะ ๆ ส่วนตัวนี้เดี๋ยวลองใช้ก่อนนะคะ ใช้ดีบอกต่อแน่นอนจ๊า /กราบ


               อันนี้ซื้อเพราะ 1 แถม 1 ล้วน ๆ สองอันนี้ราคา 79 บาท ถูกมาก ๆ ลิปมันหมดกรุพอดี เลยจัดมาลอง ตัวนี้เคยใช้เมื่อนานมาแล้ว กลับมาลองใช้อีกรอบก็ยังโอเคอยู่นะ ไว้ค่อยรีวิวนะจ๊ะ แปะไว้ก่อน



                 ส่วนอันนี้ต้องเหมาเพราะมีโปรที่เริ่ดจริง ๆ เราใช้ 2 ตัวนี้อยู่นะ ลองย้อนไปอ่านรีวิวเก่าได้จ๊า Mistine Hydra Care Moisturizing Lotion   กับ Mistine Aqua Base Sunscreen facial cream SPF50PA+++  รอบนี้ราคาถูกมาเลยซื้อตุนไว้ 2 ชุด ใครไม่เคยลองแนะนำให้ซื้อมาลองนะ เพราะของเค้าดีจริง ๆ 



           ชิ้นสุดท้าย Avon Perfect Eyebrow Powder Kit สั่งกับร้านแถวบ้าน 175 บาท  เดี๋ยวอาทิตย์หน้ามารีวิวให้ดูนะ เหมือนจะดี












----




February 17, 2014

Review : All My Loosed Powder


               เราเป็นคนชอบใช้ Loosed Powder นะ ชีวิตนี้มีแป้งตลับน้อยมาก เวลาแต่งหน้าก็ลงกันแดดแล้วตามด้วย  Loosed Powder เป็นอันจบ นาน ๆ ถึงจะใช้รองพื้นซักที ดังนั้น  Loosed Powder จึงเป็นอะไรที่สำคัญมากสำหรับเรา ส่วนตัวลองมาหลายยี่ห้อ มีที่รักและเซ็งหลายตัวอยู่ อันนี้เลือกมาเฉพาะที่ยังค้นเจอตลับอยู่นะจ๊ะ อันไหนไม่มีก็เอาไว้โอกาสหน้าค่อยจัดมารีวิวใหม่


Covermark Finishing Powder S JQ Y2 250 บาท

             ตัวนี้เพิ่งได้มาไม่นาน เพราะอยากลองเป็นการส่วนตัว ราคาก็พอไหว เค้าเตอร์ใกล้บ้านเลยจัดไปอย่างว่องไว ของยี่ห้อนี้มีรุ่นแพง เนื้อแป้งละเอียดกว่า ราคา 850 บาท ใครงบถึงก็ลองได้นะ เราเลือกเฉด Y2 มา เพราะอีกสีนึงมันส้ม ๆ ไปหน่อยเราไม่ค่อยชอบ

 

            เนื้อละเอียด ไม่วิงค์  มีกลิ่นนิดนึงพอชวนให้วิงเวียน ใครชอบงานแมต น่าจะเลิฟตัวนี้ ไม่คุมมันนะ สำหรับเรา แล้วก็ติดไม่ทนเท่าไหร่ บ่ายเหมือนจะอ็อกซิไดร์แปลงร่างเป็นสีเทานิด ๆ อันนี้ไม่ชัวน์ อาจจะคิดไปเอง แต่เราสัมผัสได้นะ ไม่ซื้อต่อแน่นอน เพราะเราชอบแบบวิงค์ ๆ 

2.5/5


Cutepress Natural Finish Loosed Powder 245 บาท

                 อันนี้ไม่นับกระปุกละ ใช้มานานมากจริง ๆ เคยเปลี่ยนใจไปหลายหนแต่ก็ต้องมาซบตัวนี้ทุกทีไป เลิฟนางนะ
                 เนื้อละเอียด ถึงจะบอกว่าโปร่งแสง แต่เนื้อนางค่อนไปทางเหลืองถึงเหลืองมาก เนื้อวิงค์เยอะและใหญ่มาก ปกปิดประมาณนึง ติดทนทั้งวัน ไม่เปลี่ยนสีระหว่างวัน แต่ไม่คุมมันเลย พอเย็น ๆ แล้วจะดูฉ่ำ ๆ นิดนึง ไม่เป็นคราบ แนะนำให้ล้างดี ๆ เพราะวิงค์นางติดทนเว่อร์ ล้างหลายรอบกว่าจะหมดไปจากหน้า 

5/5


MTI Feel Perfect Loose Powder 440 บาท

             อันนี้เป็นแป้ง Loose Powder ที่แพงที่สุดในชีวิตละ เกินงบอย่างแรง ไม่รู้ซื้อไปได้ไง แต่กระปุกใหญ่นะ ใช้ได้นาน แพคเกจฮิโซวสมราคา แต่ไม่เหมาะกับการพกพานะคะ เหมาะกับการตั้งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งประดับบารมีเกร๋ ๆ 



             เนื้อละเอียดมาก ถึงจะเครมว่าไม่มีสี แต่ทาแล้วจะอมชมพูนิด ๆ วิงค์ละเอียดโครต ทาแล้วผ่อง เด้งที่สุดในสามโลก สำหรับเราตอนบ่ายเปลี่ยนสีนะ หน้าจะหมองนิดนึง แต่ติดทน ไม่เป็นคราบ เกลี่ยง่าย ปกปิดดี คุมมันด้วย
           แนะนำสำหรับคนอันเดอร์โทนชมพู และหน้าแห้ง สำหรับเราคงไม่ซื้อต่อ

3.5/5



MTI SIGN Collection Loose Powder 240 บาท

                   เนื้อละเอียดมาก วิงค์เยอะมาก ไม่มีสี ไม่คุมมัน แต่ทาแล้วผ่องดี แนะนำให้ใช้คู่กับรองพื้น เพราะทาแล้วไม่เปลี่ยนสีระหว่างวัน และแป้งไม่ปกปิดอะไรเลย มีวิงค์กระจายแสงอย่างเดียว ไม่ทำให้รองพื้นเปลี่ยนสี เหมาะกับลุคใส ๆ แบ๊ว ๆ หรือคนผิวหน้าดีอยู่แล้ว หน้าแห้งทาได้ไม่เป็นคราบ ถ้าหมดก็จะซื้อต่อไปเรื่อย ๆ ยันเลิกผลิต
4.8/5
หักตรงหาซื้อยากไปนิด




ลองสวอชมาให้ดู

ถ้าให้เรียงตามความชอบของเรานะ 
Cutepress  >MTI SIGN Collection  >Covermark  >MTI Feel Perfect 

สภาพผิวเรา (เพื่อประกอบการตัดสินใจ) : ผิวแห้ง(มาก), อันเดอร์โทนเหลืองค่อนไปทางคล้ำ, มีรอยสิวประปราย





---



February 10, 2014

Swatch : Revlon Just Bitten Kissable Balm Stain


                  ลิปตัวนี้ออกมานานมากแล้วนะ ตอนแรกซื้อมาแค่สีเดียว แล้วก็วางดองไว้ไม่ได้ทา เวลาผ่านไปก็หยิบมาทาอีกรอบ ปรากฏว่าชอบแฮะ พอวัตสันลดราคา 1 แถม 1 ตกแท่งละ 175 บาท พี่ที่ทำงานอยากได้เลยไปถอยมาอีกแท่งเป็นเพื่อนเจ๊ ตอนนี้เลยมีสองแท่งเลยถือโอกาสมาสวอชสีให้ดู เผื่อใครตัดสินใจอยากได้บ้าง




              ตอนแรกที่อยากได้ตัวนี้ เพราะสี Darling (สีที่สองทางขวามือ) คิดว่าน่าจะเหมาะกับเรานู๊ด ๆ ดี ปรากฏว่าพอเอามาทาจริง ๆ มันว่อกแฮะ เหมือนว่าสีมันลอยและกลบสีปากไม่มิด เดินหมุนไปหมุนมาเลยได้สี honey แทน ซึ่งมันก็สดกว่าที่คิดไว้เยอะเลย เหมือนตอนลองทาที่ร้านทำไมมันงามนะ พอมาทาที่บ้านสีมันแร๊งแรง ไม่เข้าใจจริง ๆ 





                แท่งจะคล้าย ๆ ดินสอ หมุนแล้วก็กะเนื้อลิปที่ได้ประมาณ 4 เซนได้ ไม่น้อยหรอก เชื่อเรา แค่นี้ก็ทากันไปยันลูกบวชแล้ว ส่วนตัวชอบแพกเกจนะ เพราะฝาแข็งแรงดีไม่หลุดง่าย แล้วมันก็น่ารักด้วย เหมือนพกเมจิก 555




               ลองสวอชสีดูก็ได้ประมาณนี้ สีไม่เพี้ยนนะ เราปรับแล้ว คอนเฟริมฮ่ะ มาว่ากันด้วยเรื่องเนื้อลิปนะ แต่ละสีเนื้อมันก็ไม่เหมือนกันนะ ยกตัวอย่างจากที่เรามี Honey เนื้อจะครีมกว่า Rendezvous เยอะเลย ไม่แน่ใจว่าเพราะอะไรเหมือนกัน เนื้อลิปเหมือนจะเป็นลิปมันที่มีมีสีเยอะกว่า  ทาแล้วไม่เมือกวาวเกินไปสำหรับเรานะ ถ้าคนชอบเนื้อแมตก็แนะนำให้ ทาแล้วซับด้วยทิชชู่สัก1 รอบ ก็ออกจากบ้านได้ ถ้าชอบเนื้อวาว ๆ ก็ทาซ้ำสักสอง 2 รอบ หรือไม่สะใจก็ปาดกรอสทับโลด

             ความติดทน : ชนะเลิศฮ่ะคุณ เช้ายันเย็น แม่เอ้ย กินข้าวยังไม่หลุดเลย ทำมาจากสีอะไรเนี่ย ขนาดรีมูฟเวอร์แปะไว้ยังไม่ค่อยจะออกเลย ใครไม่ชอบเติมระหว่างวัน จัดเลยฮ่ะ อย่าได้เสีย คุ้มแน่นอน

            กลิ่น : อันนี้ต้องพูดถึงนะ เหมือนมีกลิ่นมินต์ ๆ อยู่ ประหลาดมาก ส่วนตัวเราไม่ชอบนะ

           ข้อเสีย : ควรสครับปากก่อนใช้ เพราะถ้าปากแห้งนะคะ จะเป็นแผ่นสี ๆ คาปากเลย ดูได้จากรูปข้างล่าง


Revlon Just Bitten Kissable Balm Stain สี Rendezvous

สีนี้แรงมาก บ่องตง สีจะนีออนกว่าในรูปประมาณนึง แนะนำให้ทารอบเดียวพอ ถ้าทาเยอะจะดูสก็อยอย่างแรง


Revlon Just Bitten Kissable Balm Stain สี Honey

งามแงะอย่างแรง เป็นสีที่คิดอะไรไม่ออกก็ยกมาปาดที่ปาก 555 เป็นชมพูบัว ๆ ม่วง ๆ งามดี


อีกทริคที่เราใช้คือ ใช้ไอ้ตัวนี้แหละเป็นตัวกลบสีปากก่อน แล้วทาทับด้วยสีนู๊ด สีที่ได้ก็จะดีขึ้นนะ แล้วติดทนด้วย รูปนี้เราทาทับด้วย mauve it over สีก็จะไม่นู๊ดไป ได้เป็นนู๊ดที่สดใส ไม่หลอกมาก


                ตอนนี้มันมีตัวใหม่ออกมาแล้วนะ Revlon ColorBurst Matte Balm กับ Revlon Color Burst Lacquer Balm เล็งอยู่เหมือนกัน ลองไปปาดดูแล้วกำลังคิดว่าจะตัดสินใจซื้อรุ่น matt รอโปรดี ๆ ก่อนค่อยจัดฮ่ะ บับว่างก 555


4/5



February 03, 2014

Review : Provamed Sun Face SPF60 PA+++


          เดือนที่แล้วไปถอยกันแดดใหม่มาตัวนึง เพราะห้างแถวบ้านไม่เอาครีมกันแดดบิโอเรมาขายแล้วซะงั้น ซึ่งตามประสาคนจน ถ้าจะให้ไปซื้อที่วัตสันก็ทำใจไม่ได้เพราะมันแพงกว่าเกือบ 60 บาท เลยตัดใจลองมายี่ห้อใหม่ที่ขายในห้างนั้น ก็เลยได้กันแดดตัวนี้มาแทน ซึ่งตอนไปซื้อสีเนื้อมันหมดพอดี เหลือแต่สีขาว ใจก็กล้า ๆ กลัว เพราะจากประสบการณ์ที่ผ่านมา ครีมกันแดดสีขาวกับเรามันไปด้วยกันไม่ได้ เนื่องจากมันวอกอย่างแรง แต่ไม่รู้ตอนนั้นนึกยังไงเลยตัดใจเอามา ในราคาหลอดละ 152 บาท ถ้วน


สรรพคุณก็ตามใบปลิว อยากอ่านใหญ่ก็ดับเบิ้ลคลิ๊กเหมือนเดิมจ๊ะ

                เราลองใช้มาจนหมดหลอดแล้ว ส่วนตัวเราค่อนข้างประทับใจนะ ดีกว่าที่คิดไว้มาก แม้ว่ามันจะสีขาวแต่ก็ไม่วอก เกลี่ยง่าย ใช้เวลาเซตตัวน้อย แห้งแล้วผิวจะเหมือนทาพวกไพรเมอร์ไว้ คือผิวเราจะลื่น ๆ มือ แล้วก็ไม่เหนียวเหนอะหนะด้วย แต่งหน้าทับก็ไม่ทำให้เป็นขุย ใช้แล้วหน้าชุ่มชื่นดีกว่าบีโอเรอีก (ดิชั้นหน้าแห้งมาก โปรดใช้ วิจารณญาณ) ช่วงนี้เราทำเลเซอร์ co2 จะไม่ค่อยแต่งหน้าออกจากบ้าน เพราะแผลมันมีสะเก็ดอยู่ ดังนั้นก็จะทาสกาเจล มิสทีนไฮดร้า โบกกันแดด เขียนคิ้ว แล้วออกจากบ้านโลดเลย ปรากฏว่าพี่ที่ทำงานก็ยังชมนะว่าหน้าสว่างดี เหมือนผิวสม่ำเสมอขึ้น เลยมโนเอาว่ากันแดดนี้มันน่าจะช่วยกระจายแสงและปรับสภาพผิวหน้าด้วยน่ะ
                ที่ประทับใจอีกเรื่องคือมันไม่อุดตันแฮะ ปกติเราจะชอบมีสิวอุดตันเล็ก ๆ ตามกรอบหน้า เพราะขี้เกียจล้างหน้าแถวนั้น  (อันนี้ต้องโทษตัวเองนะคะ 555) แต่หลังจากใช้อันนี้แล้ว มันน้อยลงแฮะ ไม่รู้ว่าเพราะเราทาเบนแซคคู่ไปด้วยรึปล่าว หรือคิดไปเอง แต่เราว่ากันแดดตัวนี้มีส่วนนะ

              ส่วนประสิทธิภาพกันแดด อันนี้เราไม่แน่ใจแฮะ ส่วนตัวก็ว่าโอนะ ไม่รู้สึกดำขึ้นแต่อย่างใด ไม่แสบหน้าเวลาออกแดดจัดด้วย 



                ตัวนี้ไม่เครมเรื่องกันน้ำ กันเหงื่อนะ ถ้าใครจะไปทะเลก็ลองมองตัวอื่นไว้ละกัน อีกอย่างนะที่อยากเตือนไว้คือ อย่าใช้มากเกินไป กะประมาณให้เท่ากับปาดยาสีฟันลงซักครึ่งแปรงสีฟันพอ เพราะถ้าเยอะเกินไป(จะเปลืองนะ ไม่ใช้ละมึง 555 ) มันจะว่อกน่ะ ครั้งแรกที่ใช้ด้วยความชินจากบิโอเรก็บีบเท่าเหรียญสิบโลด ปรากฏว่าเหลือค่ะ เต็มเบย เสียดายอย่างแรง นี่ขนาดเราคิดว่าหน้าใหญ่แล้วนะเนี่ย เลยฝืนมาทาหน้ากะวนหลาย ๆ รอบเพื่อประสิทธิภาพที่ดี ปรากฏว่าว่อกอย่างแรงนิ

สรุป ชอบนะ คิดว่าจะซื้อต่ออีก แต่อาจจะลองตัวอื่นที่กันน้ำ กับกันเหงื่อเพิ่ม เพราะเราเหงื่อเยอะมาก ๆ ๆ ๆ 




4.8/5


January 05, 2014

Review : เลเซอร์ Co2 จี้ขี้แมลงวัน นิติพลคลีนิค #1

                      

หน้าก่อนไปทำ มันไม่มีมุมที่เห็นขี้แมงวันเยอะ ๆ น่ะ ขอโทษด้วยนะ

          รีวิวนี้เป็นประสบการณ์ตรงที่ได้ไปทำเลเซอร์จี้ขี้แมงวันจากนิติพลคลีนิกจ๊า ไปเอง เสียตังค์เอง เจ็บเอง ไม่ใช้ตัวแสดงแทนแต่อย่างใด ขอเล่าตั้งแต่แรกก่อน คือเราเป็นคนมีขี้แมงวันเยอะมาก ๆ ๆ แต่แต่เด็กจนมาเป็นสาว (แก่) ก็คิดไว้ว่าอยากไปเอาออกให้รู้แล้วรู้รอดไป พอเก็บเงินได้ (เหรอ) ประมาณนึงก็เลยไปทำเลเซอร์ ซึ่งชั่งใจนานมาก เพราะไม่แน่ใจว่าจะไปทำที่ไหนดี พี่ที่ทำงานแนะนำให้ไปทำแถวบ้าน แต่พอไปถามก็ติดว่าแบ่งชำระไม่ได้ สุดท้ายก็อด 

            หลังจากนั้นก็ไปเรียบ ๆ เคียง ๆ ถามที่นิติพลว่าเราคาเท่าไหร่ ซึ่งเราก็บอกไปตามตรงว่าไมีงบประมาณ แค่ 3000 กับขี้แมงวันประมาณ 30 จุดที่หน้าจะพอไหวไหม พี่เค้าก็ตีราคามาให้ที่ 4800 ซึ่งแบ่งจ่ายได้ 6 เดือน สำหรับเราก็พอไหวนะ 800 บาท 6 เดือน เลยตัดสินใจทำไปแบบงง ๆ หลังจากนั้นก็นัดหมอ ได้เย็นวันรุ่งขึ้นก็ไปทำเลย เพราะมันติดหยุดยาวด้วยแหละ เลยตกลงที่จะรีบไปทำ เพราะหลังจากเลเซอร์จะมีเวลาพักหน้าประมาณ 3 วัน เค้าให้ซื้อยาเลย ได้อโลเจลมาหลอดนึง 200 บาทถ้วน 



รูปหลอดและส่วนผสม

            ตอนไปทำถึงก็จะมีเจ้าหน้าที่มาแนะนำต้อนรับอย่างดี แล้วก็พาไปขึ้นเตียง แล้วแต้มยาชาในจุดที่เราจะเลเซอร์ นอนรอไปประมาณ 45 นาที ระหว่างรอก็ได้ยินเสียงเตียงข้าง ๆ มีน้อง ๆ มัธยมมาเข้าคอร์สหน้าใสกันหลายคน ดีนะเด็กสมัยนี้ ถ้าเป็นเราเมื่อก่อน ไม่กล้าเฉียดที่แบบนี้หรอก กลัวเค้าเรียกให้ทำแล้วปฏิเสธไม่ได้ 555

             พอครบ 45 นาที เจ้าหน้าที่ก็พาไปพบหมอ ซึ่งที่แย่คือพอทายาชาเป็นจุด ๆ เต็มหน้า แล้วเค้าก็พาเราเดินผ่านหน้าเค้าเตอร์ ซึ่งมีคนนั่งอยู่เต็มเบย แอบเขินนะ อีกอย่างมองผ่านหน้ากระจกไปก็เป็นห้างน่ะ คนตรึม อิชั้นก็แอบอายนิดนึง อีกอย่างนึงคือ เค้าไม่มีเค้าเตอร์ให้เก็บของลูกค้า เพราะบางทีคนมาทำเลเซอร์ก็มาหลังเลิกงานไง ของเยอะแยะ พะรุงพะรัง จะทิ้งไว้ก็กลัวหาย จะฝากเค้าเตอร์ก็ไม่ไว้ใจ น่าจะมีลอกเกอร์ไว้ให้ลูกค้าฝากของเก็บสักอันก่อนเข้าห้องไปพบหมอหรือทำคอร์สต่าง ๆไม่รู้สิ เราอาจจะคิดมากไป แต่มันเป็นอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เราคิดว่าสำคัญนะ

              ทีนี้มาถึงตอนพบหมอ เค้าก็ให้ใส่ที่คลุมผม แล้วก็ให้นอนจับด้ามเหล็กอะไรซักอย่างไว้ แล้วผู้ช่วยก็ค่อย ๆ ลบยาชาทีละจุด หมอก็ตามเลเซอร์ไปเรื่อย ๆ จบครบทุกจุด  ได้กลิ่นเหม็นเนื้อไหม้ (หิวเบย)  ตอนทีเลเซอร์ใกล้ ๆ ตาก็จะรู้สึกเห็นแสงเหมือนที่เค้าเชื่อมเหล็กอ่ะ นึกออกมะ 
               คำถามยอดฮิต คือเจ็บไหม บอกเลยว่าไม่เจ็บนะ เพราะทายาชา (ไม่ใช่ละ เมิง  555  ) ไม่เจ็บจริง ๆ พอยาชาหมดฤทธิ์ก็ไม่เจ็บนะ ไม่มีเลือดออกด้วย หมอบอกว่าของเราตื้น ถ้าคนที่รากลึก ๆ จะมีเลือดออก

              หลังจากทำเสร็จผู้ช่วยก็แนะนำวิธีการรักษาตัวไม่ให้เป็นรอบแผลเป็น พร้อมกับกระดาษ 1 แผ่น เสร็จแล้วก็กลับบ้านไปแบบเยิน ๆ แบบนั้นแหละ หมอนัดอีกที 2 อาทิตย์หน้า เพื่อมาดูแผลและซ้ำในจุดที่ออกไม่หมด


               มาดูรูปแผลกันหลังจากผ่านไป 1 อาทิตย์ จริง ๆ มีเยอะกว่านี้นะ แต่ไม่ได้ถ่ายไว้ชัด ๆ เลยได้มาแค่ไฝนูน 1 เม็ด 



ปรากฏว่ามันเป็นหลุมค่าท่านผู้ชม กรีดร้องงงงงงงงงงงงง


หมอบอกว่าหลุดจะค่อย ๆ ตื้นขึ้นเอง (เหรอ ?)



January 02, 2014

Review : Max Factor Colour X-Pert Waterproof Eyeliner



         ตัวนี้เพื่อนสาวซื้อมาฝากจากยุโรป ของฟรี เจ๊เลยอยากมารีวิว คือจริง ๆ ฝากนางซื้อมาสคาร่า นางหาให้ไม่ได้เลยจัดตัวนี้มาแทน แล้วไม่เก็บตังค์ อ่านแล้วแลดูมีเพื่อนดี ปลิ้มมาก ๆ 


             ตอนแรกที่นังไม่แกะห่อนึกว่าเป็นปากกา ปรากฏว่าเป็นพู่กันซะงั้น แอบผิดหวังเล็ก ๆ แต่ก็ไม่กล้าบ่นมาก เพราะได้ฟรีมา ปกติเราไม่ค่อยถนัดใช้พู่กันเขียนเท่าไหร่ เพราะรู้สึกว่ามันบังคับยาก อีกอย่างพวกพู่กันแบบนี้จะแห้งช้า มีโอกาสเลอะสูง ซึ่งตัวนี้แห้งช้าจริงเหมือนที่คาดไว้ แห้งแล้วจะเป็นฟิลม์ ลอกได้ กันน้ำ แต่ไม่ทนเอาซะเลย



             มาดูหัวชัด ๆ กันอีกที พู่กันแบบนี้บังคับง่ายกว่าแบบที่เคยใช้นะ เลยรู้วึกชอบพูกันมันมากเลยล่ะ เขียน cat eyes ง่าย ปลายตวัดแหลมเปี๊ยวเลย แต่ช้าก่อน สำหรับคนที่จะไปซื้อ อ่านให้จบก่อนนะ เพราะว่า...


            มันไม่ดำแหละ นี่คือปาด 4 ครั้ง แล้วถึงจะดำ คือทิ้งไว้ในโต๊ะเครื่องแป้งแล้วตัวสีมันแยกชั้้นจากน้ำ เลยทำให้มีสภาพแบบที่เห็น ครั้งแรกที่ใช้ดำดีมาก แบบไม่น่าเชื่อ แต่พอทิ้งไว้อุณหภูมิห้องไม่เกิน 2 เดือนกลายเป็นแบบนี้ซะแล้ว สัณนิษฐานได้ว่าอาจจะไม่เหมาะกับสภาพอากาศบ้านเรา ร้อนเกินไป เลยตายดีกว่า หรืออีกกรณีนึงคือมันหมดอายุ 555 เพื่อนรักไปเหมาของเซลล์มาแบบหน้ามืดตามัวเลยได้ของใกล้หมดอายุมาซะงั้น ซึ่งจริง ๆ แล้วอายไลเนอร์พวกนี้มันมีอายุแค่ 6 เดือนแค่นั้นแหละ ก็ต้องทิ้งแล้ว เพราะเชื้อโรคสะสมและมันจะกลายสภาพเป็นแบบนี้นั่นเอง แต่นี่แค่ 2 เดือนเองน๊า ทำไมถึงทำแบบนี้กับชั้นได้ ๆ ๆ ๆ  



ลองเทียบกับมิสทีน Mistine I am Eyeliner 


สรุป           ไม่ซื้อต่อแน่นอน เพราะหาที่ซื้อไม่ได้ 555 ไม่ใช่ละ เพราะไม่ปลิ้มค่าคุณผู้ชม หาตัวอื่นดีกว่า แต่ก็ยังคงอยากลองมาสคาร่าของยี่ห้อนี้อยู่นะ อยากได้แต่ไม่อยากพรีอ่า แบบว่ามันแพง งุงิ




2/5
---








December 29, 2013

REview : Annika Deodorant Roll On


               โรลออนตัวนี้ได้มาใหม่ เมื่อประมาณเดือนที่แล้ว หลังจากไปเตร็ดเตร่ตามร้านขายส่งเครื่องสำอางค์ กำลังจะจ่ายเงิน น้องพนักงานก็เชียร์บอกจัดตัวนี้เลยค่ะน้อง อั้ยย่ะ เรียกเราน้องด้วย เลยจัดมา 1 อัน 39 บาท ทดลองใช้ก่อน บ้ายอไง ช่วงนี้ใครเรียกน้องแล้วจะปลื้ม แบบว่าป้าแก่แล้ว เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยมีใครเรียกน้องแล้วไง 555

           เราเคยรีวิวตัวเสปรย์จั๊กที่ชอบตลอดกาลไว้นะ คือตัว 

Boots 24 Hour Protection Sensitive Unfragranced Anti-Perspirant  ซึ่งทุกวันนี้ก็ยังรักตัวนี้อยู่นะ เพียงแต่ว่าเหมือนทางบู๊ทจะไม่เอาเข้ามาแล้ว เพราะเดินหาอยู่หลายเดือนก็ยังไม่เห็น ช่วงนี้เลยลองหาผลิตภัณฑ์ดับกลิ่นมาใช้ทดแทน ซึ่งพอได้ตัวนี้มาเราชอบนะ มันดีกว่าที่คิดไว้มาก ๆ 


ส่วนผสม
         
            เมื่อก่อนที่จะใช้ของบู๊ทก็เคยลองผลิตภัณฑ์สารส้มมาหลายแบบ ยอมรับเลยว่าตัวสารส้มเป็นสิ่งที่กำจัดกลิ่นได้ดีกว่าโรลออนไหน ๆ ที่เคยลองมา ซึ่งเดี๋ยวนี้ก็มีหลายแบบให้เลือกใช้งานอยู่ แบบแท่งแข็ง ๆ ของเกรซ ที่ต้องเอาไปชุบน้ำก็เคยลองอยู่ ก็รู้สึกว่าไม่สะดวกใช้งานเท่าไหร่ เพราะต้องรอให้แห้งก่อนถึงจะใส่เสื้อได้ ต้องมากางจั๊กเป่าพัดลม ซึ่งเป็นสภาพที่ไม่น่ามอง วันไหนรีบ ๆ ก็ลืมไปได้เลย (ซึ่งดิชั้นชั้นรีบทุกวัน เพราะสายทุกวัน อุวะฮ่ะฮ่ะฮ่า)   แบบเสปรย์ก็เคยลองนะ เคยใช้ยี่ห้อ Miracle crystal deo spray อันนั้นดีมาก ๆ แต่ใช้ไม่ถึงครึ่งขวดหัวฉีดก็ตันซะงั้น เอาหัวฉีดไปแช่น้ำร้อนซักพักก็กลับมาเป็นอีก  แต่ตัว Annika นี้มันเริ่ดมาก ๆ กำจัดกลิ่นได้เหมือนสารส้มตัวอื่น ๆ แต่ใช้งานง่าย แห้งไว ทิ้งไว้ก็ไม่เป็นตะกอน ไม่เป็นคราบที่เสื้อ จั๊กไม่ดำ ขนขึ้นช้าด้วย บอกตรง ๆ ว่าประทับใจ

        ตัวนี้จะระงับกลิ่นได้ประมาณ 8 ชั่วโมงนะ ไม่ได้ยาวนานมากเหมือนเต่าเหยียบโลก (ซึ่งเราเคยใช้ อ่านเหตุผลที่เราเลิกใช้ได้ที่รีวิวบู๊ทนั่นแหละ) ประสิทธิภาพก็พอสมควร ประมาณว่าเช้าไป เย็นโหนรถเมย์กลับบ้านก็ยังชิว ๆ นะ สำหรับเรา 1 ขวดก็ใช้ได้นานเป็นชาติเลยทีเดียว ใช้มาเดือนนึงยังไม่ถึงครึ่งเลยนะ ขอบอก 


สรุป     คิดว่าจะซื้อต่อนะ ถ้าของบู๊ทยังไม่เอากลับมาขายในเมืองไทย ของไทยใช้ดีบอกต่อ ไทยกินไทยใช้ไทยเจริญ เย่






5/5
---





December 27, 2013

WTF : สิวและสิวและสิว ภาค 2



               ลืมไปเลยว่าจะมาเขียนต่อภาค 2 ตอนนี้คือหน้าปัจจุบัน สิวก็หายไปหมดแล้ว ตอนนี้เหลือแต่รอยดำ รอบแดงไปตามเรื่องอ่ะนะ ซึ่งก็ต้องรักษากันต่อไปอีกยาว ๆ หวังว่ารอยคงหายในเร็ววัน สาธุ

              เอาจริง ๆ นะ ยาที่บอกไปในภาค 1 ไม่ได้ทำให้ดิชั้นหายนะคะ บอกกง ๆ สิ่งที่ทำให้หายจริง ๆ คือ เบนแซค เจลล้างหน้าของโปรวาเมดกับ Clarisonic ที่รัก, Clinda M, ฮาดะลาโบะ ส่วนรอบดำที่หายไว ๆ คือฮีรูสกาสีฟ้าเหลือง นั่นแหละ มาว่ากันไปเป็นตัว ๆ เลยละกันนะ


           เบนแซค ที่หาซื้อได้แถวนี้คือ 0.5 ทาก่อนล้างหน้าเพื่อละลายหัวสิวที่อุดตันประมาณ 15 นาทีก่อนล้างหน้า ตัวนี้ช่วยได้มากเลยจริง ๆ ใครที่เป็นสิวอุดตันไม่มีหัวแบบเรานะ ตัวนี้จะทำให้หัวมันเปิดออกไวมาก ๆ แล้วสิวก็จะแห้งไว ควรมีติดบ้านไว้นะ ที่เราใช้คือหลอด 20 กรัม ใช้ได้ประมาณเดือนนึงเต็ม ๆ 



          Provamed Acniclear Cleansing Gel เจลล้างหน้า สำหรับผู้มีปัญหาสิว ตัวนี้นี่คือเสี่ยงดวงซื้อสุด ๆ ไม่มั่นใจเลย เพราะเราเคยแพ้ครีมกันแดดของยี่ห้อนี้มาก่อน แต่ที่ซื้อเพราะมันแถมกระเป๋าไม่รู้สีชมพูน่ารักดี (เห็นแก่ของแถมนั่นเอง แป่ว ๆ ๆ ) แล้วราคาก็ไม่แพงด้วย 192 บาท ก็เลยจัดมาลอง ปรากฏว่ามันดีเกินคาดนะ เราใช้กับ Clarisonic ไง  เจลเวลาโดนน้ำมันจะเป็นฟองแข็ง ๆ ไม่ย้อยไปทั่วหน้าเหมือนโฟมยี่ห้ออื่น ๆ เลิฟมากอ่ะ ล้างแล้วหน้าไม่แห้งตึงดีด้วย (เราผิวแห้ง) ใช้แล้วสิวแห้งไวดีมาก สิวผดลดลงเยอะเลย ไม่รู้แหละว่าเพราะยาตัวไหน เดาเอาว่าเจลล้างหน้าก็มีส่วน 555 แนะนำตัวนี้ไว้เป็นอีกทางเลือกของคนเป็นสิวนะ สำหรับเรามันดีมากจริง ๆ 


         ฮาดะลาโบะ สีขาว คือตัวมอยเจอร์ไรเซอร์ที่ใช้เวลาเป็นสิว คือเราไม่แน่ใจว่าแพ้ครีมไหน หรือเพราะอะไรสิวถึงขึ้น เลยไม่ได้กล้าใช้ครีมอะไรมั่วซั่ว พอทายาแล้วมันจะแห้งมาก ๆ ถ้าไม่ทาอะไรเลย หน้าเราก็จะลอกโครต ๆ ซึ่งตัวนี้ดีนะ หน้าไม่เป็นขุยเลยทั้ง ๆ ที่ทายาสิว

       Clinda M เอาไว้ทาแต้มสิว ตัวนี้ดีจริงแหละ จะไม่ลองของใหม่ละ กลับมาตายลังที่ของเดิมนี่แหละ ราคาประมาณ 50 บาท ใช้ได้เป็นเดือนเลย รักอ่ะ ขออภัยที่ไม่มีภ่พ ลืมถ่าย


             ฮีรูสการ์ หลอดฟ้าเหลือง ลองโพสแอคเน่ละ ไม่โดนนะ เราว่าสูตรนี้รอยหายไวสุด สำหรับเรานะ ใช้โพสแอคเน่ สิวเสือกขึ้นทับอีตรงที่ทาแก้รอยสิวซ้ำซะงั้น พอกันที สราดดดดดด ตัวนี้แหละเริ่ดจริงอะไรจริง เพื่อนที่เคยรถคว่ำหน้าแหกแนะนำตัวนี้ให้ใช้ เพราะนางมีแผลถลอกเต็มหน้าเลย พอใช้ตัวนี้แล้วแทบไม่หลงเหลือรอยเลย รอยจางไวมาก ๆ 


             ก็ประมาณนี้แหละสูตรรักษาสิวของเรา มันก็แล้วแต่หน้าคนแหละนะว่าจะเหมากันยาตัวไหน เอาเป็นว่าเราเสนอทางเลือกให้สำหรับคนเป็นสิวอีกสูตรละกันนะ สู้กันต่อไป ไม่ว่าดูแลจะหน้าดีแค่ไหน ยังไงวงจรสิวก็ต้องวนมาอยู่ดีนั่นแหละนะ ไม่ว่าจะหญิงหรือชายก็ตาม  









December 25, 2013

Review : Mistine Iron Curve Love Mascara


            ของฟรีชิ้นสุดท้ายจากมิสทีน มาสคาร่ารุ่นญาญ่านั่นเอง ส่วนตัวเราไม่ชอบปัดมาสคาร่า เหตุผลเหมือนเดิมคือ ขี้เกียจล้าง แล้วมันก็ชอบเข้าไปในตาด้วย ขี้เกียจล้างตามาใส่คอนแทกใหม่ หลังจากเดจาวูสีแดงสุดที่รักหมดลง ก็ไม่ได้คิดจะซื้อของยี่ห้อไหนอีกเลย เนื่องจากไม่มีเงิน และอยากซื้อของเดจาวูอีกนั่นเอง ซึ่ง ณ ปัจจุบันก็ยังแพงมากสำหรับ ไม่มีปัญญาซื้อแท่งใหม่


                เราเป็นคนขนตาตก พอไม่ได้ดัดก็จะพุ่งลงดินอย่างที่เห็น เหมือนคนหลับตลอดเวลา ขนตาก็ไม่ได้ยาวมากนะ มีพอควร


            ตัวนี้จะมีหัวแปรงแบบตัวซี สำหรับเราว่ามันใหญ่ไปอ่ะ เวลาปัดแล้วมันไม่สม่ำเสมอ คือตาเราเล็กนั่นเอง มันใหญ่เกินตา ชอบแบบธรรมดามามากกว่า ไม่ต้องโค้งก็ได้ พอโค้งแบบนี้แล้วใช้ไปซักพัก มาสคาร่าที่แห้งจะมากองอยู่ตรงปลายแปรง เวลาปัดจะเป็นก้อน ๆ ไม่ชอบง่ะ


            เออ จะว่าไปนะ ลืมถ่ายด้ามมันมาให้ดู ลองเสริชดูนะ เราชอบแพคเก็จมัน แดงดี จับถนัดมือด้วย เป็นเหลี่ยม ๆ ไม่หลุดมือดี อย่างอื่นก็ไม่รู้จะเม้นท์อะไรนะ มาลองดูตอนปัดละกัน


             คือเราไม่ชอบมาสคาร่าที่ปัดแล้วเป็นก้่อน ๆ แบบนี้ มันต้องเสียเวลาเอาแปรงมายีให้แตกตัวอีกรอบ บางทีก็ลืมตัว ทำแรงไป แปรงทิ่มตาอีก ชอบแบบที่เป็นไฟเบอร์มากกว่า ซึ่งก็แพงกว่าอ่ะนะ อีกอย่างตัวนี้จะแห้งช้านิดนึง อย่าเผลอกระพริบตาก่อน นางจะกลายร่างทันที ปัดขนตาบนได้ขนตาล่างมาด้วย 555



           มาเทียบก่อนหลังนะ ก็เด้งจริงแหละ ตัวนี้พอปัดแล้วรอสักพักให้แห้งสนิทค่อยหนีบขนตาอีกที จะเด้งทนนานทั้งวันมาก แต่พยายามอย่าใจร้อน ถ้าไปหนีบก่อนมาสคาร่าแห้ง นางจะเป็นแพอย่างแรง น่ารำคาญไปทั้งวันเลยทีเดียว




ส่วนเรื่องความทนทานนั้น ยอมรับว่าทนจริงไม่แพนด้วย ขนตาไม่ตกเลยทั้งวัน ประทับใจในส่วนนี้นะ ล้างคลีนซิ่งธรรดาไม่ออกนะ ต้องใช้อันที่ส่วนผสมของน้ำมันผสมถึงจะออกดี เช่นพวกบีโอเรออย อะไรทำนองนี้






ปล.ของด่าหน่อยนะ อันนี้นอกเรื่อง คือไปเล่นเกมกับเวบนึงแล้วได้ของรางวัลเป็นตัวทดลองคลีนซิ่งตัวนี้มา เออ ก็เข้าใจนะว่าของฟรี แต่แบบว่าช่วยทำให้มันดีหน่อยได้ไหม จับใส่ถุงมาก็ไม่บอกว่าเป็นอะไร แล้วขวดเทสเตอร์ก็มีแต่ภาษาญี่ปุ่น อ่านก็อ่านไม่ออก จะใช้ก็ไม่กล้าใช้ ต้องหิ้วขวดไปเทียบกับบีโอเรในวัตสันว่าตัวไหน เออ จะแจกเพื่อประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์ เสือกไม่บอกห่าอะไรเลย ให้แผ่นพับภาษาไทยมาอันเดียวแล้วให้เทียบเอาว่าตัวที่ได้มาเป็นตัวไหนว่างั้น ซึ่งขวดที่ให้มาก็มีแต่ภาษาญี่ปุ่นจะเทียบกันยังไงละครับคุณ เออ ทำการตลาดแบบนี้ก็เจริญแหละค่ะมึง แทนที่จะประทับใจดันเซ็งแทนซะงั้น ว่าจะรีวิวตั้งแต่ได้มาใหม่ ๆ แหละ แต่โมโหจนลืมไปละ เนี่ยนึกขึ้นได้ เลยขอขุดมาด่าหน่อยนะ









2/5
---








EMPTY #19 JULY 2019

1. Buytropicalife SQUALANE NATURAL (100% natural from Olive) ซื้อมานานมาก ใช้ไม่หมด คิดว่าตัวเองไม่เหมาะกับผลิตภัณฑ์แบบน้ำมันเท่าไห...