April 28, 2014

Review : Dr.Somchai Natural Sunblock Cream SPF50


1 แถม 1 ราคา 196 บาท

          เดือนนี้ลองเปลี่ยนกันแดดดู เมื่อเดือนสองเดือนก่อนลองใช้ Provamed อยู่ได้สัก 2 หลอดมั้ง ก็เริ่มเบื่อ แล้วอีกอย่างห้างแถวบ้านก็หาซื้อยากด้วย ขี้เกียจซิ่งรถไป เลยลองหากันแดดตัวใหม่ ๆ มาลอง อันนี้ราคาถูกดีด้วย เคยอ่านบล็อกของคุณฟีบี้เรื่องข้อดีข้อเสียของกันแดดแบบต่าง ๆ  ก็เลยอยากลองหากันแดดแบบ physical sunscreen มาลองใช้หลาย ๆ ตัวดู ตัว Provamed ที่เคยใช้มันเป็นแบบ physical เหมือนกันนะ แต่แถวบ้านเรามีแต่สีขาว เวลาทาแล้วเกลี่ยไม่ดี มันจะเป็นคราบนิด ๆ ตัวนี้ที่เราเอามาเป็นสีเนื้อ


         แต่สีเนื้อที่ให้มามันไม่ได้เข้มแบบกันแดดคิวเพลสนะ (ฝาส้ม)  เนื้อมันจะบางกว่า เอาจริง ๆ แล้วแทบไม่เห็นผลในเชิงคอสเมติกเลยล่ะ 555 แต่ก็คงดีกว่าใช้สีขาวแหละ เกิดเป็นคนดำต้องทำใจนะฮ๊าฟ เนื้อจะมีความมันนิดนึง แต่พอลงไปกับผิวแล้วก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกมันหรือเยิ้มระหว่างวันนะ อีกอย่างสีก็ไม่ดรอบลงด้วย รู้สึกประทับใจพอสมควรเลย



             ขออภัยหนังหน้าแย่มาก มีสิวอุดตันบุกประปราย กำลังหาสาเหตุอยู่ คาดว่าน่าจะมาจากกันแดดของ Provamed นี่แหละ ถ้าเปลี่ยนแล้วยังไม่ดีขึ้น คงจะลำบากละ 5555 จะเห็นว่าพอลงแล้วหน้าก็ไมไ่ด้เนียนขึ้นแบบสังเกตได้หรอกนะ รอยสิวเหมือนเดิม รอยแดงเหมือนเดิม แต่หน้าจะมันขึ้นนิดนึง แค่นั้น


ถ่ายรูปส่วนผสมมาให้อ่าน เผื่อมีใครแพ้ตัวไหนจะได้หลีกเลี่ยงนะจ๊ะ





3/5 
ไม่แน่ใจต้องรอดูกันยาว ๆ 













April 21, 2014

Swatch : Mistine Professional complete Palette #01 มิสทีน โพรเฟสชันแนล คอมพลีท พาเลท #สีชมพู


              ของเล่นใหม่จากมิสทีน  สั่่งมา 169 บาท แถมแปรงพกพามาอีก 1 อัน อันนี้อยากเอาไปพกพาตอนเดินทาง ใจจริงอยากได้ของ sleek face form นะ แต่งบไม่ถึง ในเมืองไทยมันแพงเหลือเกิน ถ้ามีโปรส่งฟรีเมื่อไหร่คงได้จัดเต็มกับ sleek แน่นอน

หลังกล่องมาคุณสมบัติ สถานที่ผลิต วันที่ผลิต บลา ๆ 


          เปิดมาเป็นตลับดำ ๆ เงา ๆ เหมาะมือมาก ๆ  ด้านหลังมาวิธีใช้ และส่วนผสมให้อ่าน ถือว่าแพกเกจผ่านนะ เราชอบ ไม่ต้องมีอะไรวุ่นวาย ธรรมดาก็พอแล้ว


         เปิดมาก็เป็นแบบนี้ มีกระจกให้ กางได้ 90 องศา ขนาดพอเหมาะดีเหมือนกัน ที่สำคัญเปิดมาแล้วสิ่งที่สัมผัสได้เป็นอย่างแรง คือ กลิ่นหอมมากค่ะ นึกไม่ออกว่าหอมเหมือนอะไร แต่ประทับใจมากฮ่ะ


ข้างในเปิดมาก็จะเห็นสีเรียงแบบนี้ งามมากฮ่ะ 



         ซูมสีให้ดูนะ สีน้ำตาลเพี้ยนไปนิด ขออภัย เทียบสีได้จากรูปด้านบน จะเห็นว่าวิงค์แค่ 2 สีนะ สีไฮไลท์สว่างมาก กรุณาอย่าหนักมือ แวววาวมากฮ่ะ ส่วนบรัชก็ใส ๆ นะพอลงจริงแล้วไม่ค่อยเข้มแบบที่เห็น 






             ลองสวอชสีให้ดู จะเห็นว่าสีน้ำตาลกลืนกับผิวเราไปเลย 555 เนื้อผลิตภัณฑ์จะแป้งนิดนึงไม่ค่อยมีพิกเมนต์เท่าไหร่ อาจจะเหมาะกับมือใหม่หัดคอนทัวน์ สีน้ำตาลเป็นสีที่เราชอบน้อยที่สุด ไม่ค่อยประทับใจ อยากให้ใส่เนื้อสีมาใ้ห้เยอะกว่านี้  ส่วนเรื่องความคงทนก็ตามราคานะ ได้สัก 6 ชั่วโมงก็เต็มที่ละ




2.5/5


















April 14, 2014

Review : เลเซอร์ Co2 จี้ขี้แมลงวัน นิติพลคลีนิค #2



ความเดิมจากตอนที่แล้ว อ่านที่ : Review : เลเซอร์ Co2 จี้ขี้แมลงวัน นิติพลคลีนิค #1

                  ผ่านไปหลายเดือนพึ่งมีเวลามาเขียนภาคต่อ อภัยในความล่าช้าด้วยฮ่ะ เราไปทำครั้งสุดท้ายที่คลินิกประมาณ 2 เดือนที่แล้ว ดังนั้นสภาพแผลที่เห็นคือสิ้นสุดคอร์สไปแล้วนะ ตอนเริ่มต้นคอร์ส เรามีขี้แมลงวันจำนวนทั้งสิ้น 21 เม็ด มีขนาดใหญ่ 10 เม็ด เป็นไฝ มีรอยนูน 1 เม็ด ที่เหลือเป็นขี้แมลงวันขนาดเล็ก ลองมาดูกันว่าสภาพเป็นอย่างไรกันบ้าง เราจะแบ่งเป็น 2 กลุ่มคือกลุ่มที่หายขาด และกลุ่มที่หมอจี้ไม่หมด (ลองย้อนกลับไปดูภาพเก่าที่ลิงค์ด้านบนได้นะ)

กลุ่มแรก : หายขาด 

เราคิดเป็น 70 เปอร์เซนของทั้งหมด หลังจากจี้ครั้งสุดท้ายก็ไม่มีจุดดำขึ้นมาอีก จะเหลือแค่หลุมตื้นและรอยแดงที่พยายามรักษาอยู่ แต่บางเม็ดกลับมีรอยนูนเพิ่มขึ้นมาด้วย อันที่หายแล้วเราจะไม่ถ่ายรูปมาด้วยนะ เพราะมันหายไปหมดแล้ว จะถ่ายเฉพาะที่ยังมีรอยแดงเหลืออยู่ก็แล้วกันค่ะ


         อันนี้เป็นจุดที่อยู่ข้างแก้ม เดิมทีเป็นขี้แมลงวันขนาดเล็ก ทั้ง ๆ ที่เป็นจุดที่ไม่เคยทำซ้ำ แต่รอยแดงกลับไม่ยอมหายซะที อาจจะเป็นเพราะมันบอบบางมากก็ได้


           ส่วน 2 เม็ดนี้อยู่ใกล้คาง เดิมเป็นขี้แมลงวันขนาดใหญ่ เกือบ 0.5 เซนได้ อันนี้ทำซ้ำทุกครั้งที่ไปจี้ เพราะหลังจากทำก็จะมีรอยจุดดำ ๆ ขี้นซ้ำตลอด โดยส่วนตัวคิดว่าน่าจะหายขาดนะ ซึ่งก็ต้องรอดูต่อไป


กลุ่มที่ 2 : กลุ่มที่หมอจี้ไม่หมด (หรือกลุ่มที่รากอยู่ลึก)


          ขออภัยที่ภาพสยองไปนิด พอซูมหนังหน้าแล้วมันน่ากลัวจิง ๆ 555 จะสังเกตเห็นว่ารอยแดงเริ่มจาง แต่กลับมีขี้แมลงวันเริ่มก่อตัวขึ้นมาอีกในจุดเดิม


มาดูจุดอื่นกันบ้าง อันนี้ยังเป็นหลุมชัดเจนอยู่ มีขี้แมลงวันเริ่มขึ้นมาเป็นจุดเล็ก ๆ ตรงกลาง หวังว่าถ้าเนื้อเต็มแล้วจะไม่ใหญ่เท่าเดิมนะ


อันนี้ก็แนวเดียวกันอันข้างบน แต่รอยขี้เเมลงวันมันใหญ่เท่าเดิมเลยล่ะ


อันนี้เดิมเป็นไฝนูน เอาออกได้ขนาดนี้ก็โอแล้วล่ะ


          ที่เห็นเป็นทางน้ำนั่นน่ะ เหงื่อ 555 โครตร้อนเลยเน๊อะ ประเทศไทยจะอยู่ไม่ได้แล้ว โลกใกล้แตกจริงแหละ แค่จะถ่ายรูปแค่เนี้ย เหงื่อมาเป็นทางเลย อันนี้อยากให้สังเกตหลุม ไม่ลึกนะ แต่ก็ยังเห็นว่าเป็นหลุม


อันนี้ก็แนวเดียวกับข้างบน เป็นหลุม มีรอยแดงและเริ่มมีจุดขี้แมลงวันขึ้นซ้ำที่เดิม



          อันนี้ถ่ายกับแสงที่อยากให้ลองสังเกตถึงรอยหลุมบนสภาพหน้าปัจจุบัน เราเชื่อมั่นนะว่ามันจะเต็ม แต่อาจจะต้องใช้เวลาอีกสักเดือนหรือสองเดือน


สรุป เดิมมีจุดขี้แมลงวันอยู่ 21 จุด หลังจากหมดคอร์สไปแล้วสองเดือนมีขี้แมลงวันขึ้นซ้ำในจุดเดิม 7 รอย คิดเป็น 33 เปอร์เซนของทั้งหมด ใช้งบประมาณ 4800 บาท คิดซะว่าเท่ากับจุดละ 230 บาท

ความคุ้มค่า          ถ้าเฉลี่ยจุดละ 230 บาท ถือว่าไม่แพงนะ ในความคิดเรา และยังสามารถผ่อนได้อีกด้วย ได้แต้ม ไม่ต้องเสียเงินก้อน

ประสิทธิภาพ        เราไม่พอใจกับผลการรักษานะ การที่คิดคอร์สมาว่าจี้ได้ 4 ครั้งในรอบ 2 เดือน เราคิดว่ามันเป็นระยะเวลาที่สั้นเกินไป จริง ๆ แล้วการที่เราจะรู้ว่าขี้แมลงวันจะขึ้นใหม่อีกหรือไม่  ใช้เวลาเกือบ 1 เดือนเลยนะ บางครั้งไปเนี่ยผิวมันก็ยังไม่แข็งแรงพอที่จะให้จี้ซ้ำได้เลย  เราไปให้หมอเช็กครั้งแรก หมอยังออกปากเลยว่าจริง ๆ มาตอน 1 เดือนไปแล้วก็ได้ เพราะมาตอนนี้ก็ยังมองไม่เห็นว่าจุดไหนขึ้นซ้ำบ้าง (ซึ่งจะให้คุ้มราคาที่ทำไปก็ต้องมาทุกสองอาทิตย์น่ะ ) เราเข้าใจนะ ถึงสาเหตุที่ว่าทำไมถึงจี้ไม่หมด เพราะถ้าจี้ให้หมดทีเดียวมันจะเป็นหลุมลึกเกินไป แต่เราคิดว่าทางคลินิกน่าจะปรับคอร์สเป็นว่าทำได้ 4 ครั้งภายใน 4 หรือ 6 เดือนมากกว่า ทำในขณะ 2 เดือนเป็นระยะเวลาที่สั้นเกินไป  
ที่เราคิดแบบนี้เพราะว่าหลังจากที่เราทำจนครบคอร์สนั้นขี้แมลงวันเราก็ไม่ได้หายไป หลังจากนั้นอีกประมาณ 1 เดือนถึงจะเห็นว่ามันขึ้นมาซ้ำอีก อยากให้คลีนิกให้เวลามากกว่านี้

จะทำต่อไหม   ตอบเลยว่าไม่ จากนี้จะรักษาหลุมและรอยแดงให้หาย เพื่อที่จะรอดูว่าขี้แมลงวันที่เหลือกลับมาใหญ่แค่ไหน จะได้หาคลีนิกใหม่ทำ 


ข้อแนะนำและความคิดเห็นอื่น ๆ 

1. เลเซอร์ตัวนี้แนะนำให้ทำตอนที่มีเวลาพักหน้า หาช่วงที่มีวันหยุดยาวไปทำดีที่สุด เพราะถ้าต้องแต่งหน้าในขณะที่เป็นแผลจากเลเซอร์อาจจะอุดตันและแผลไม่แห้งไวในแบบที่ควรจะเป็นได้

2. ไม่ควรทาพวกไวเทนนิ่งหรือครีมที่มีการขัดหน้า จะทำให้รอยแดงหายช้า แนะนำให้มาร์คหน้าหรือทาครีมที่มีส่สนผสมของวิตามินอีเป็นประจำ เพื่อบำรุงหน้าและรอยจะตื้นไวขึ้น

3. ส่วนตัวคิดว่าไม่ควรหาครีมลดรอยแผลเป็นในตอนนี้ ครีมบางตัวจะเร่งให้สร้างเนื้อเยื่อ ขี้แมลงวันที่ถูกจี้ไม่หมดก็จะได้สารบำรุง ทำให้มันขึ้นใหม่ได้อีก (คหสต ไม่มีเหตุผลทางวิทยาศาสตร์มารองรับ)

4. ถ้าไม่อยากมีหลุมบนหน้า แนะนำว่าอย่าทำ เพราะกว่าหลุมจะหายใช้เวลานานมาก ๆ ๆ จนท้อเลยล่ะ

5. ไปทำเลเซอร์มาใหม่ ๆ อย่ามือบอนแกะ ปล่อยให้มันตกสะเก็ดและหลุดไปเองดีที่สุด แผลเป็นจะไม่มี หลุมก็จะน้อย

6. เวลาไปกรุณาจิตแข็ง พนักงานพยายามขายคอร์สตลอดเวลาฮ่ะ




1.5/5













April 07, 2014

What's New ? : March's New Items


เดือนนี้ของใหม่เยอะมาก และก็มีของเดิมที่ติดใจซื้อต่อ ๆ มาด้วย



Cutepress Natural Finish Loosed Powder ไม่นับกระปุกละ และจะซื้อต่ไปจนกว่าจะเลิกผลิต


อันนี้ลองของใหม่เจลล้างหน้าเก่าหมดเลยลองตัวนี้ 50 กรัม ราคา 70 บาท จากร้านแถวบ้าน หวังว่าคงจะดี ใช้ดีมีรีวิวแน่นอน


มิสทีนตัวนี้ราคา 89 บาท น้องแถวบ้านเอาแคตตาลอคมาให้ดู เลยลองสั่งไปงง ๆ ใช้ไปนิดนึงละ เหมือนจะดีแฮะ



MUA Mosaic Bronzer in Sunkissed Glow ตัวนี้ทดลองใช้ ราคา 300 บาท สั่งจากเนต เป็นของแถมสมัครตัวแทนขาย ว่าจะพยายามทำเป็นโปรเจคต่อไปนะ ไม่รู้จะสำเร็จไหม ยังไงก็เป็นกำลังใจให้ด้วยนะจ๊ะ


ดร. สมชาย สบู่สิวและบำรุงผิว (ผิวอ่อนโยนและแพ้ง่าย) 21 บาท อันนี้ก้อนที่ 2 ละ แอบติดใจสีชมพู รอบนี้เลยลองสีใหม่ดู หวังว่าจะดีเหมือนเดิม



อันนี้ของเซลล์จากวัตสันสาขาแถวบ้าน ฮาดะลาโบะ ขวดละ 100 จากปกติ 320 กันแดดวัตสันเหลือ 48 บาท แล้วก็ออยล้างหน้าของฮาดะลาโบะแลกซื้อ 240 บาท จาก 385 เลยจัดหนักมาแบบงง ๆ 




Mistine Professional Complete Palette 01 บลัชสีชมพู ถอยมา 169 แถมแปรงปัดหน้าง่อย ๆ มาอันนึง เดี๋ยวอาทิตย์หน้าจะรีวิวให้ดูนะจ๊ะ

March 31, 2014

WTF : ประสบการณ์ซื้อของกับ shopat7


              เมื่อหลายเดือนก่อนสั่งของกับ shopat7 ไป ว่าจะมาเม้าท์ให้ฟังเรื่องได้ของไม่ตรงกับที่สั่งซักหน่อยก็ลืมไปเลย เมื่อวันก่อนแบคอัพรูปไปเจอโฟลเดอร์รูปพอดี เลยขอจัดซักหน่อยแล้วกัน คือเราสั่งของกับเวบนี้มาหลายครั้งมากแล้ว ของที่ได้ก็โอเค ราคาไม่แพงมาก ส่งก็ไว จ่ายเงินก็สะดวก ถ้าราคาโอเค เทียบกับเวบอื่น ๆ แล้วก็มักจะสั่งเวบนี้แหละ

               ขอเท้าความไปเมื่อหลายเดือนก่อน เราซื้อแทบเลตใหม่ แทบเลตมันโทรได้ แต่ขนาดมันใหญ่ไง เลยอยากได้หูฟังบลูทูตมาใช้ เพราะออกจะเขิน ๆ ที่ยกแทบเลตมาโทร ไปเช็กในหลายเวบก็ถูกใจรุ่นนึงที่มันเปลี่ยนสติกเกอร์ได้ แบบว่าเปลื่ยนเกร๋ ๆ วันไหนอยากแรดก็จัดไปสีนี้สีนั้นตามใจ 


            ค้นไปหลายเวบก็เจอใน shopat7 ที่ราคาแพงกว่าชาวบ้านเค้าประมาณนึง แต่ด้วยความเชื่อใจ เพราะเคยสั่งกะเค้าหลายครั้งก็ไม่มีปัญหาอะไร เลยจัดมา อันนี้เป็นภาพหน้าเวบที่แคพมา ชื่อรุ่นก็ถูกต้อง ราคาก็ไม่แพง พอรับไหว เลยจัดมากสวย ๆ 

             อันนี้ใบสั่งซื้อที่แคพมา เดี๋ยวจะหาว่าดิชั้นตอแหล สั่งเสร็จก็เอาใบสั่งซื้อไปจ่ายที่เซเว่น ไม่กี่วันก็มี sms มาบอกว่า ของถึงแล้วนะไปรับได้เลย ตอนเย็นก็พุ่งตรงไปรับของที่เซเว่น


           ปรากฏว่าได้ของรุ่นนี้มาค่ะ อีหวก มันใช่ที่กรูสั่งไหมเนี่ย แต่ก็รับของมาด้วยความใจเย็นนะคะ ตามประสานางเอก พอกลับบ้านย้อนกลับไปเชคในเวบอีกรอบ หน้าลิงค์ที่บุ๊กมาร์คไว้ก็เข้าไมไ่ด้อีก ต้องตามไปเซฟรูปในแคชของกูเกิ้ล แล้วรุ่นที่สั่งไปแม่มก็ลดเหลือ 490 ป๊าด แค้นค่ะแค้น ซื้อก็แพงกว่าชาวบ้าน ไม่ได้รุ่นที่อยากได้อีก แถมรุ่นที่อยากได้ก็ลดราคาเหลือ 490 อีก โลกมันโหดร้าย 



              ก็เลยเมล์ไปถาม ตามเมล์ที่ให้ไว้ในเว็บ ก็ไม่มีอะไรตอบกลับมา



ไปสอบถามที่หน้าแฟนเพจ พนักงานก็ตามให้ด้วยความรวดเร็ว (ขอชมเชยเลยฮ่ะ) หลังจากนั้นก็มีสายโทรมา แต่ไปอาบน้ำเลยไม่ได้รับ สักพักก็มีคนโทรมาอีกรอบ เจรจากันว่านางจะเช็กให้งั้นงี้


             แล้วนางก็โทรมาอีกรอบ อันนี้บอกตามตรงว่าจำคำแบบเป๊ะ ๆ ไม่ได้อ่านะ เพราะนานมากแล้ว นางบอกประมาณว่ารุ่นที่เราได้ไปอ่ะ มันแพงกว่าราคาที่เราจ่ายนะ คือประมาณว่า มึงได้กำไรนะไรงี้ (แต่ประเด็นมันไม่ใช่ไง ก็ชั้นอยากได้อันที่มันแรด ๆ อ่ะ จะเอารุ่นนั้นมาแล้วขายราคาเดิมก็ไม่ว่านะคะ แต่อยากได้อ่ะค่ะ) ซึ่งพนักงานก็ขอโทษนะ แล้วก็พูดจาดีมาก เราเลยบอกว่าไม่เปลี่ยนแล้วกัน เอาเป็นว่าอย่าให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีกนะคะ ระมัดระวังอย่าใส่รูปผิดอีก บลา ๆ ออกแนวบ่น ๆ ด้วยความเซ็ง (นางเอกมะ)

              สรุป ก็เลยใช้อันที่ส่งผิดมานั่นแหละ ซึ่งทรงมันโครตแมนอ่ะ บอกเลยว่าเสียใจอย่างแรงนิ คือของเค้าก็โอเคแหละ แต่มันสีไม่แรดไง 555 เรื่องนี้สอนให้รู้ว่าเวลาสั่งของกับ shopat7 ให้เซฟหน้านั้นเก็บไว้ด้วย เพื่อใช้เป็นหลักฐานเวลาส่งผิด เพราะหน้าเว็บเค้าไปเร็วมาเร็วมาก ตอนนี้ก็ไม่อยากสั่งกับ shopat7 เท่าไหร่นะ กลัวว่ามันจะส่งมาผิดอีกไง แต่ก็แวะเข้าไปดูแหละ เผื่อมีโปรของที่อยากได้








1/5 
(คะแนนระบบเวบไซต์ ไม่ใช่ผลิตภัณฑ์)










March 24, 2014

ETC : The Clarisonic : DOs & DON'Ts


               บทความแรกของบล็อกนี้ คือ กระทู้เห่อ Clarisonic ซึ่งเราก็ใช้มาเกือบ 2 ปีแล้วสินะ เวลาผ่านไปไวมาก ๆ เลย ต้องยอมรับว่าไอ้เครื่องนี้มันเปลี่ยนวิถีชีวิตการล้างหน้าของเราจริง ๆ แล้วก็สภาพหนังหน้าที่ดีขึ้นมาก ๆ ถ้ายังมีคนถามว่าควรซื้อไหม ใช้แล้วได้ผลรึปล่าว เราก็ยืนยันคำเดิมนะว่าซื้อเหอะ เป็นเครื่องมือที่เจ๋งจริง ๆ 4000 น่ะไม่แพงหรอก ถ้าเทียบกับค่ายารักษาสิวที่ต้องเสียไป

               เพื่อเป็นการขอบคุณไอ้เครื่องนี่ ดังนั้นวันนี้เราจะมาเขียนบล็อกแนะนำการใช้งานที่มาจากประสบการณ์ของเรา อาจจะไม่ถูกต้องตามหลักวิชาการนัก แต่คอนเฟริมว่าใช้กับเราแล้วโอเคมาก ๆ เลย

DOs

1. ควรล้างหน้าจากด้านล้างขึ้นบน หมายความถึงว่าลำดับการล้างหน้าของคุณควรจะเป็น คาง>แก้ม 2 ข้าง>จมูก> หน้าผาก เพราะถ้าเริ่มจากหน้าผากก่อนมันจะย้อยจนแสบตาไปหมดเลยล่ะ

2. ควรใช้กับโฟมไม่มีฟอง หรือโฟมที่มีฟองน้อย  เนื่องจากว่ามันไหลเข้าตานี่แหละ จึงแนะนำให้ใช้โฟมฟองน้อยหรือไม่มีฟอง เพราะมันจะกับอาการเยิ้มย้อยได้ส่วนหนึ่ง และก็ประสิทธิภาพการทำความสะอาดของมันแรงอยู่แล้ว ถ้าใช้กับโฟมที่แรงมาก ๆ บางครั้งเราพบว่าหน้าจะแห้งเกินไป

หมายเหตุ ผลิตภัณฑ์ที่เราใช้คู่กับเรื่องนี้แล้วรู้สึกว่าได้ผล ได้แก่ สบู่ฮาโรเกต โฟมของโปรวาเมต (สีฟ้า) สบู่ดอกเตอร์สมชาย โฟมไม่มีฟองของสมูทอี เซตาฟิล (หรือใช้กับผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่ไม่ผสมสี เราเคยใช้กะสบู่ฮาโรเกตสีเหลือง บอกเลยว่าหัวแปรงเหลืองอ๋อยฮ่ะ ล้างออกลำบากมาก ) 

3.ควรใช้แค่วันละ 1 ครั้ง แนะนำให้ใช้เฉพาะตอนเย็น
คหสต เราคิดว่ามันมากไปสำหรับหน้าคนเรา ซึ่งตอนกลางคืนเราก็คงไม่ได้ละเมอไปอาร์ซีเอ หรือตกระกำลำบากที่ไหน เช้าล้างหน้าแค่สบู่เบา ๆ ก็พอแล้ว อย่ารบกวนหน้ามากไป ปสก ของเราคือมีช่วงนึงใช้ทั้งเช้าและเย็น แล้วต้องออกไซต์ต่างจังหวัดกระทันหัน ปรากฏว่าโดนแดดแล้วแสบหน้ามาก หลังจากนั้นจึงใช้แค่เย็นหลังล้างเครื่องสำอางค์หมดแล้วแทน เพื่อความสะอาดอย่างหมดจด

4. ควรเปลี่ยนหัวแปรง 3 หรือ 6 เดือนต่อครั้ง
ถ้ารวยควรเปลี่ยนทุก 3 เดือนเพื่ออนามัยที่ดี แต่เราไม่ค่อยมีเงิน 555 จึงเปลี่ยน 6 เดือนต่อ 1 ครั้ง อีกอย่างเราใช้แค่ตอนก่อนนอนเท่านั้น จึงมโนเอาว่ามันก็เท่ากับใช้ครึ่งนึงของระยะการใช้งานปกติ ว่ากันตามตรงนะหัวแปรงใหม่ ๆ มันเลิศมากจริง ๆ แหละ ทั้งนุ่มและฟู ใช้ไปนานแล้วมันจะแข็ง ๆ นิดนึง ดังนั้นอย่ามโนว่าซื้อเครื่องครั้งเดียวแล้วจบ เชื้อโรคสะสมหัวแปรงเป็นสิวหนักกว่าเดิมจ๊ะ ซึ่งถ้าจนแบบเราก็อ่านทริกที่จะยืดอายุการใช้งานหัวแปรงให้ใช้ได้ 6 เดือนที่ข้อต่อไปเลยจ๊ะ  

5. ควรทำความสะอาดหัวแปรงอย่างสม่ำเสมอ

- หลังจากเราล้างหน้าเสร็จแล้วให้หันหัวแปรงเข้าเครื่องแล้วหมุนให้หัวแปรงสแคชกับหัวเครื่อง ซึ่งจะช่วยให้ขนแปรงฟูแล้วหัวเครื่องที่เป็นซอก ๆ ก็จะสะอาดเอี่ยมอ่องอยู่เสมอ ลดการสะสมของคราบสบู่ด้วยฮ่ะ วิธีนี้ทำให้ขนแปรงใช้ได้นานขึ้นประมาณนึงเลยแหละ แล้วอย่าลืมเอาผ้าซับให้หมาด ๆ ด้วย เพื่อช่วยให้มันแห้งไวขึ้น   (ตามรูปประกอบ)                                                                                                                                       

- ทุกอาทิตย์จะแช่หัวแปรงกับเดทตอลหรือสบู่ที่ผสมสารฆ่าเชื้อแบคทีเรีย แล้วตากแดดให้แห้ง ไม่ว่ายังไงก็ห้ามละเลยขั้นตอนนี้เด็ดขาด ทำอย่างน้อยอาทิตย์ละ 1 ครั้ง เนื่องจากเวลาเราทิ้งหัวแปรงไว้ในห้องน้ำตลอดทั้งอาทิตย์ มันจะสะสมเชื้อโรค จะเป็นบ่อเกิดของสิวในอนาคต คิดจะสวยอย่าขี้เกียจ

6. หัวแปรงจะมี 2 ส่วน สามารถแยกใช้ได้
การทำงานของ Clarisonic ส่วนแปรงที่สั่นจริง ๆ คือแปรงชั้นใน ใช้นอกเป็นแค่ตัวที่กันการหยดย้อยเท่านั้นแหละ ถ้าเราอยากจะทำความสะอาดในส่วนที่เล็ก ๆ  เช่น ซอกจมูก ที่รู้สึกว่าแยงเข้าไปทั้งอันหัวมันใหญ่ไป ก็แยกหัวออกมาได้ ให้ระวังการกระเด็นกระดอนของโฟมสักนิดก็พอ




7. ไฟกระพริบที่แจ้งว่าแบตหมด จะเตือน 3 ครั้งก่อนแบตหมดจริง ๆ (Mia 1)
ถ้ายังไม่สะดวกชาร์ตก็ยังสามารถใช้ต่อได้ ไม่ต้องตื่นเต้นไป ถ้าแบตหมดแนะนำให้ชาร์ตตอนกลางคืนเลย แล้วแบตจะเต็มประมาณเย็น ๆ ของอีกวัน เราก็จะมารถใช้ Clarisonic ได้ทุกวันไม่เว้นแม้แบตหมด ถ้าชาร์ตเช้าไม่ทันใช้นะคะ ถ้าไม่กลับบ้านดึก เคยชาร์ต 7 โมงเช้าปรากฏว่าไปเต็มเกือบเที่ยงคืน วันนั้นเลยไม่ได้ใช้เลย  

8. เวลาพกเดินทางไปไหน ให้ทำหัวแปรงให้แห้งก่อนเสมอ
เพราะมันจะสะสมแบคทีเรียนะ ระวังเรื่องความสะอาดให้มาก ๆ รุ่น Mia 2  จะมีเหมือนกล่องเก็บไม่ให้แปรงเราไปโดนอะไรก็ตาม แต่การที่ทิ้งมันให้เปียกอบ ๆ อยู่ในกล่องเป็นเวลานานก็ทำให้มีแบคทีเรียนะ ยิ่งล้างสบู่ออกไม่หมดนะ พอเปิดกล่องออกมาทีกลิ่นแบบสะพรึงมากฮ่ะ แต่ถ้ารุ่น Mia 1 จะเป็นฝาครอบมีรู ๆ ไว้ให้ระบายอากาศแทน ซึ่งก็ไม่ได้หรอก เพราะถ้าเราใส่หัวแปรงชิ้น ๆ ลงไปก็ยิ่งสะสมเชื้อโรค แบบว่าเราโรคจิตน่ะ ข้อนี้ไม่ต้องใส่ใจมากก็ได้นะ 555 



DON'Ts

1. ไม่ควรวาง Clarisonic ไว้ในที่หมิ่นเหม่กับการตก 
เราเคยตกมาแล้วถึง 2 ครั้ง คว้าไม่ทัน ซึ่งตอนนี้ก็ยังไม่มีอาการอะไร ปกติดีทุกอย่าง แต่ก็เสียวแว๊บเหมือนกัน เพราะระบบแบตเตอรี่ก็อยู่ในเครื่องหมด ดังนั้นระวังให้มาก ล้างหน้าเสร็จให้เอา Clarisonic ทิ้งไว้ในอ่างเลย ล้างมือให้หายลื่นแล้วค่อยจับ อีกรอบ อย่าประมาท อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ทุกที่ฮ่ะ เตือนด้วยความหวังดี เพราะเราเคยลื่นหลุดมือมาแล้ว

2. ตัวเครื่อง Clarisonic ไม่ควรแช่เดตตอลทิ้งไว้นานเกินไป 
ถึงแม้อยากจะฆ่าเชื่อโรค แต่เดตตอลทำให้ Clarisonic ดิชั้นสีด่างค่ะคุณ รีบล้างอย่าแช่ไว้ อย่ามาโง่มาอิชั้นนะคะ ตอนนี้จับไปก็ช้ำใจมาก สีกระดำกระด่างอย่างแรง

3. ไม่ควรใช้ Clarisonic บริเวณรอบหรือใกล้ดวงตา
เกือบแอดมิทมาแล้วนะคะคุณ อันตรายมากบอกเลย เนื่องจากเมาเลยทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ถูสโมกกี้อายใหญ่เลย อารมณ์ขี้เกียจ เรื้อน ปรากฏเส้นเลือดฝอยในตาแตกฮ่ะ ตอนแรกก็นึกว่าตาแดง หยอดตาเท่าไหร่ก็ไม่หาย แล้วเสือกแพ้ยาหยอดตาอีก แอดมิทหมดไปเป็นหมื่นเลยค่ะคุณ พอออกจากโรงพยาบาลเลยนึกขึ้นได้ว่าเพราะไอ้เครื่องนี่เอง เกือบซวยแล้วไหมล่ะ อันนี้มีเตือนไว้ในคู่มือนะ ข้อนี้สำคัญมาก ๆ อย่าคิดลองเด็ดขาดต้องระมัดระวังให้มาก ๆ เลย

4. ไม่ควรใช้ Clarisonic กับผลิตภัณฑ์ประเภทสครับ หรือโฟมที่มีเม็ดบีทผสม
อันนี้จริงจังนะ หน้าแหกได้จริง ๆ เวลาที่เราใช้ไอ้เครื่องนี่ไปสักพักจะรู้สึกคุ้นชินกับความแรงของมัน คนมักจะเกิดไอเดียแปลก ๆ เช่นลองใช้โฟมที่มีสครับดีกว่าเผื่อจะดีขึ้นอีกงั้นงี้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว มันเป็นสิ่งที่ไม่ควรด้วยประการทั้งปวง เพราะมันจะเร่งปฏิกิริยาให้ขัดหน้าเรายิ่งขึ้นไปใหญ่ จนทำให้หน้าแดง และอาจเกิดผื่นแพ้ได้ 

5. ไม่ควรทำความสะอาดหัวแปรง  Clarisonic ด้วยแอลกอฮอร์
อย่าโรคจิตรักความสะอาดมากจนถึงขนาดเอาแอลกอฮอล์ราดหัวแปรงเลยค่ะ นอกจากจะเปลืองแล้ว จะทำให้หัวแปรงมีอายุการใช้งานสั้นด้วยค่ะ เพราะมันจะแห้งกรอบและแข็ง อ่านมาถึงตรงนี้อาจจะสงสัยว่า เอิ่มแล้วชั้นจะทำความสะอาดมันกับอะไรคะถ้าไม่ใช้แอลกอฮอล์ แนะนำให้ให้ใช้สบู่เหลวล้างมือที่มีสารฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ผสมหรือไม่ผสมเดตตอลก็ได้ตามแต่สะดวก จะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า ขนแปรงจะยังนุ่มไม่แข็งตัวก่อนอายุการใช้งานของมันค่ะ

6. เวลาใช้ไม่ควรกดลงที่ใบหน้าแรงเกินไป
เอาจริง ๆ นะคนเราตอนใช้ใหม่ ๆ ก็จะกะน้ำหนักมือไม่ถูกว่าควรจะมากน้อยแค่ไหน แต่อยากให้จำไว้อย่างนึงว่าระบบแปรงเป็นระบบสั่น ดังนั้นถ้าคุณกดแรงก็จะยิ่งมีความเสียดสีกับใบหน้ามาก หัวแปรงที่ควรจะสั่นมากก็จะไม่สั่นตามแรงของมันปกติ ไม่รู็ว่าจะอธิบายให้เห็นภาพแบบไหนดี คือเหมือนว่าเราเปิดให้มือถือเราสั่น ถ้าเราวางให้มันสั่นบนโต๊ะ จะสังเกตเห็นได้ว่ามันจะสั่นแรงจนบางครั้งมันตกโต๊ะเลยก็มี แต่ในทางกลับกันถ้าเราใส่มันไว้ในกระเป๋าที่มีของกดทับมันก็จะไม่สั่นมากจนเรารู้สึกได้ว่ามีคนโทรเข้ามา ดังนั้นเวลาเราใช้แปรงจึงไม่ควรกดกับหน้าแรง ๆ แค่สัมผัสเบา ๆ แล้วหมุนไปเรื่อย ๆ ก็จะทำงานได้มีประสิทธิภาพที่ดีกว่า





คำถามอื่น ๆ ที่พบบ่อย

1. ควรล้างเครื่องสำอางค์ก่อนใช้ Clarisonic ไหม
ตอบ ควรค่ะ เพราะรองพื้นที่ติดอยู่ใน Clarisonic เป็นอะไรที่ทำความสะอาดยากมาก บอกเลย 

2. ใช้ Clarisonic แล้วจะไม่มีสิวขึ้นเลยใช่ไหมคะ
ตอบ ไม่ค่ะ ปัจจัยการเกิดสิวมันเยอะมากค่ะ อันนี้เป็นแค่ตัวช่วยเท่านั้น อย่ามโนว่าเป็นอุปกรณ์วิเศษอะไรมาก มันแค่ช่วยให้ล้างหน้าสะอาดมากขึ้นเท่านั้น

3. สิวอักเสบเยอะมาก จะใช้เครื่องนี้ได้ไหม
ตอบ ได้ก็แต่เมื่อสิวอักเสบยุบลงประมาณนึงแล้วเท่านั้น ถึง Clarisonic จะมีแปรงทีสำหรับคนเป็นสิวก็เถอะ แต่เชื่อเราเถอะว่ามันไม่เหมาะกับคนมีสิวอักเสบหรอก เวลาที่เรามีสิวอักเสบเม็ดใหญ่ ๆ  ส่วนใหญ่จะเว้นตรงนั้นไว้เลยแหละ เพราะเคยลองแล้ว แหกมาแล้ว เชื่อป้าเถอะหลาน ๆ เอ้ย

4. Clarisonic เทียบกับ ยี่ห้อ........ และยี่ห้อ .......... และยี่ห้อ........... อันไหนดีกว่ากันคะ
ตอบ ไปอ่านบล็อกอื่นเทียบเอาเองเหอะ ป้าก็ไม่รู้เหมือนกัน ไม่เคยใช้ค่ะ เคยใช้แต่ Clarisonic อย่างเดียวเอง ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ

5. ซื้อ Clarisonic ร้านไหนดีคะ
ตอบ แล้วแต่ท่านละกัน มีเป็นสิบร้านเลย ถูกจริตแม่ค้าร้านไหนก็จัดเลย ราคาไม่หนีกันมากหรอก พังก็โยนทิ้งเหมือนกัน เพราะไม่มีศูนย์ซ่อมในไทย ภาวนาให้มีชอปมาเปิดซะทีเหอะ จะได้ซื้อได้อย่างสบายใจ





หน้านี้จะอัพเรื่อย ๆ นะ ถ้ามีอะไรเพิ่มเติมหรือแก้ไข มีประสบการณ์อะไรอยากแชร์ก็บอกได้เลย จะได้เขียนให้คนที่ซื้อเครื่องมาแล้วใช้ไม่เป็นได้รู้ไว้




แถม : มาแจ้งข่าวสำหรับสาวก Clarisonic นะคะ ตอนนี้เค้าออกรุ่นลิมิเตตมา เป็นรุ่นดิสโก้ค่ะคุณ (Hollywood Lights Collection) กระเทยมาก ๆ อยากจิได้มาครอบครอง แหม ถ้าปิดไฟอาบน้ำแล้วเปิดเพลงเต้นในห้องน้ำนะคะคุณ มันจะเจิดจรัสมากค่ะ อยากได้ ๆ ๆ ๆ มี 3 สีให้เลือกครอบครอง ม่วง (Screen Siren) เขียว (Starlet) ชมพู (Super Star) ไม่เคยอยากได้ Mia 2 เลยจนกระทั่งบัดนี้ฮ่ะ บอกเลย







ปล. จะว่าไปนะ ตอนนี้กำลังอยากลองเครื่อง Foreo Luna มากเลยล่ะ เห็นในยูทูปอวยกันว่ามันเริ่ดกว่า Clarisonic อย่างแรงนิ กิเลสมาปรี๊ด ๆ เลย เค้าขายตัวมินิราคา 139 เหรียญ ราคาก็ประมาณเดียวกับ mia 1 เลยนะ แต่ตัวนี้ไม่ต้องเปลี่ยนหัวแปรง แล้วก็หลักการทำงานคล้ายคลึงกับ Clarisonic มาก ๆ (ถ้าถูกหวยจะลองสั่งมาเล่นดู กิกิ)



March 17, 2014

Review : Mistine AC-Solute Body Acne Spray มิสทีน แอคโซลูท บอดี้ แอคเน่ สเปรย์






Mistine AC-Solute Body Acne Spray มิสทีน แอคโซลูท บอดี้ แอคเน่ สเปรย์ 50 บาท

             ในที่สุดก็วนมาของมิสทีนอีกจนได้ ก็ของเค้าดีอ่านะ อันนี้ซื้อตุนไว้ ตอนที่ลดราคาเมื่อสิ้นปี แต่พึ่งได้ของนะ 555 เหลือแค่ 50 บาทเอง ถูกมาก ๆ ได้ข่าวว่าตัวเจลอาบน้ำของไลน์นี้เลิกผลิตไปแล้ว เลยเดาเอาว่าไลน์นี้น่าจะเลิกผลิตทั้งหมด (คิดเองเออเองฮ่ะ) ด้วยความเสียดายเลยขอจัดมาตุนไว้สักหน่อย

            ช่วงนี้ไม่ได้เป็นสิวที่ตัวหรอกนะ แต่แบบว่าเคยใช้ตัวนี้มาก่อนแล้วชอบมาก เวลาที่ลดราคาเราเลยซื้อเก็บไว้ตลอด ขออธิบายนิดนึง เราเป็นคนผิวแห้งมาก ๆ ทาโลชั่นอะไรก็ไม่อยู่ มีช่วงนึงฮิตทาน้ำมันมะพร้าวหลังอาบน้ำ (บ้าตามพันทิพฮ่ะ บอกเลบ) ซึ่งมันดีมาก เพราะผิวไม่แห้งอีกต่อไป แต่พอใช้ไปก็เริ่มมีสิวขึ้นตามแขนกับหลัง ซึ่งตอนนั้นไม่รู้สาเหตุนะว่าเพราะน้ำมันมะพร้าว (นอกเรื่องนะ ไอ้น้ำมันทาตัวเนี่ย ใช้ได้นะ อย่าเข้าใจผิด มันดีมากจริง ๆ แต่ต้องหมั่นสครับผิว ไม่งั้นมันจะอุดตันกลายเป็นสิวไต ๆ ตามต้นแขนต้นขา) 


           เพื่อนเลยแนะนำให้ใช้พวกเสปรย์ฉีดสิว นางบอกว่าดีกว่าทาครีม หายไวงั้นงี้ เราก็เลยไปซื้อเสปรย์มาฉีดสิวที่หลังตามนางบอก ตัวแรกที่ใช้คือออกซิเคียว ซึ่งสิวหายจริง ยอมรับ แต่หัวฉีดมันง่อยมาก ใช้ไม่ถึงครึ่งก็พังซะงั้น ต้องเทใส่มือแล้วประพรมแบบน้ำมนตร์เลยทีเดียว อุบาทย์มากฮ่ะ พอหมดเลยไปซื้อตัวนี้มาลอง ซึ่งใช้ดีนะฮ๊าฟ อิทธิฤทธ์เหมือนออกซิเคียวแต่หัวฉีดดีกว่ากัน 10 เท่า ขนาดใช้หมดแล้วเอาขวดมารีไซเคิลใส่น้ำแร่เอาไว้ฉีดหน้ายังไม่พังเลยอ่ะ เกือบ 6 เดือนแล้วอ่ะ คิดดู

            ตัวผลิตภัณฑ์จะเป็นน้ำใส ๆ กลิ่นแรงมาก เรียกได้ว่าฉุนเลยดีกว่า เวลาฉีดกรุณาอยู่ในที่ที่อากาศถ่ายเทสะดวก และควรใช้ในปริมาณที่ฉลากแนะนำ เพราะมันแรงมาก ถ้าใช้เยอะผิวจะลอก อันนี้เตือนไว้ก่อนเลย ที่สำคัญฉีดแล้วต้องรอแป๊บนึงให้แห้ง พยายามอย่าเอามือไปโดน อย่าพึ่งใส่เสื้อผ้า มันค่อนข้างแห้งช้า แนะนำให้ผึ่งพัดลมก่อนค่อยสวมเสื้อผ้า

สรุป : ของดีประจำบ้าน คุ้มค่า ราคาไม่แพง ถ้าเจอให้รีบซื้อตุน ถ้าเลิกผลิตแล้วจริง ๆ เราจะเสียใจมาก บอกเลย

5/5 




ปล.เอารูปตัวขัดขวางเวลาถ่ายรูปทำบล็อกมาให้ดู มันน่านัก ไม่น่าเอานางเป็นพรีเซนเตอร์ของฟรีเอวอนเลย พอยกกล้องปุ๊บ ก็โดดมาขวางปั๊บเลย นึกว่าคิวนาง ชิชะ ไอ้แมวอ้วน

March 10, 2014

Review : การ์นิเย่ บีบี อาย โรลออน GARNIER BB Eye Roll on



การ์นิเย่ บีบี อาย โรลออน GARNIER BB Eye Roll on  152 บาท

                บ่นว่าไม่มีเงินนะ แต่ก็ซื้อจังเลย ไม่เข้าใจตัวเองเลย เฮ้อ รอบนี้เป็นคอนซีลเลอร์ใต้ตาของกานิเย่ บอกเลยว่าตัวนี้เล็งมานานมาก เพราะห้างแถวบ้านลดราคาก็เลยจัดมาอย่างไว

              เราดูยูทูปหลาย ๆช่องเค้าก็แนะนำตัวนี้นะ ไม่แน่ใจว่าเพราะการตลาดหรือว่ามันดีจริง ๆ แต่ความอยากลองก็ชนะทุกสิ่งนะ ราคาก็ไม่แพงมาก พอจะสนองความอยากตัวเองได้ เค้ายังบอกอีกว่าใต้ตาคอนซีลเลอร์ควรจะเป็นสีส้มเพราะมันจะไปกลบสีเส้นเลือด หรือรอยหมองคล้ำให้กลับมาเป็นธรรมชาติ เป็นเรื่องของแม่สี อะไรทำนองนั้น เด็กบ้านนอกอย่างเรานะ คนสวย ๆ เค้าบอกอะไรก็เชื่อไปหมด


               รอบนี้ไม่มีกล่องมาให้ดูนะ ลืมโยนทิ้งไปแล้ว ขออภัยด้วย  มาว่ากันด้วยเรื่องแพกเกจนะ มันเป็นลูกกลิ้งล่ะ แหวกแนวมากเลย ไม่เคยเห็นมาก่อน ชอบแนวคิดที่เค้าออกแบบผลิตภัณฑ์นะ แต่เอาเข้าจริง ๆ แล้วเวลาก็ไม่ได้วนแบบที่เค้าออกแบบมาหรอกนะ เพราะเนื้อผลิตภัณฑ์มันจะออกมาเยอะมากเกินไป สุดท้ายก็เอาแตะ ๆ สามสี่ที แล้วก็เอานิ้วเบลนให้มันกลืนไปกับผิว ดังนั้นก็เลยไม่รู้สึกว่าอีโรลออนที่ให้มามันจะมีประโยชน์อะไรเลย 555

            ตัวเนื้อผลิตภัณฑ์จะออกส้ม ๆ แล้วเนื้อก็บางเบามาก แต่ปกปิดดีนะ อีกอย่าง ไม่ยักกะตกร่องนะ คือเราแก่แล้วไง แน่นอนว่าต้องมีร่องใต้ตา บางครั้งก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ คอนซีลเลอร์ใต้ตาที่เราเคยใช้คือ Revlon ซึ่งเป็นเนื้อครีม มันค่อนข้างจะตกร่องนะ บ่าย ๆ ก็เป็นคราบละ แต่ตัวนี้สอบผ่านนะ วันหลังจะสวอชของเรฟลอนเทียบสีกับตัวนี้ให้ดูนะจ๊ะ สัญญาแปะไว้ก่อน

             กลิ่นค่อนข้างแย่นะ เหมือนแอลกอฮอล์ผสมกับแป้งเปียก อันนี้คือตั้งใจหรือต้องการให้เป็นธรรมชาติก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่มันก็เอาไว้ทาตาอ่ะนะ ไม่ได้ใกล้จมูก ก็คงไม่ต้องกลิ่นดีมากหรอกมั้ง ไม่แน่ใจว่ามันเป็นเฉพาะหลอดที่อิชั้นถอยมารึปล่าว ใครแวบมาอ่านก็รบกวนถามนะว่ากลิ่นเหมือนกันไหมอ่ะ ไม่ใช่ว่าของเซลล์เพราะมันใกล้หมดอายุล่ะ 555


               ลองทาให้ดูนะ จะสังเกตว่าสีไม่เข้ากับผิวอย่างแรง ซึ่งไม่ต้องตกใจนะ พอมันเซตตัวแล้วมันจะกลืนไปกว่านี้ คนอันเดอร์โทนเหลืองก็ใช้ได้แน่นอน สังเกตเนื้อนะ มันเป็นน้ำ ๆ เลยแหละ เลยเกลี่ยง่ายมาก แล้วก็ไม่ตกร่องด้วย เนื้อบางเป็นธรรมชาติ ตอนนี้ใช้บ่อยมาก เป็นลูกรักขึ้นหิ้งไปเลยล่ะ

               ข้อเสียของตัวนี้อาจจะเป็นเรื่องเฉดสีนะ ถึงตามหลักมันจะบอกว่าคอนซีลเลอร์ใต้ตาควรจะเป็นสีส้มก็เหอะนะ แต่มันก็น่าจะมีส้มหลายเฉดหน่อย ส้มมาก ส้มน้อย อะไรทำนองนี้ ว่ากันตามตรงถ้าคนผิวคล้ำมาก ๆ ตัวนี้ก็ไม่รอดนะ หรือถ้าคนผิวขาวมาก ๆ ตัวนี้ก็คล้ำไป เพราะคอนซีลเลอร์ใต้ตามันต้องสว่างว่าผิวซักนิดนึง เวลาแต่งหน้าจะไม่ไม่ต้องโบกไฮไลด์มาก ตัวนี้น่าจะเหมาะกับคนผิวกลาง ๆ มากกว่า

สรุป : ชอบนะ อาจจะซื้อซ้ำ (ถ้าราคานี้นะ) เป็นไอเท็มที่ใช้ง่าย พกพาสะดวก คุ้มค่า ถ้าราคาปกติคงไม่ซื้อนะ เพราะอยากลองของลอรีอัลที่เป็นปากกาด้วยน่ะ


4.5/5









EMPTY #19 JULY 2019

1. Buytropicalife SQUALANE NATURAL (100% natural from Olive) ซื้อมานานมาก ใช้ไม่หมด คิดว่าตัวเองไม่เหมาะกับผลิตภัณฑ์แบบน้ำมันเท่าไห...